“ลำปาง” ไม่ได้มีดีแค่รถม้า พาคุณมาย้อนเวลา หาที่เที่ยวโลคอลแบบชิล ๆ จังหวัดนี้ยังมีดีอีกหลายจุดเช็คอินที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน แต่ละที่บอกว่าเลยว่าต้องห้ามพลาด ปีนี้ต้องได้ไป! มาแล้วจะติดใจไม่รู้ลืม
เอาใจคนรักการท่องเที่ยวเมืองรอง กับอีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวสไตล์ท้องถิ่นแบบ Local อย่าง “ลำปาง” ที่เมื่อเอ่ยชื่อถึงจังหวัดนี้เมื่อไหร่ ภาพรถม้าก็ลอยมาแต่ไกลในความคิด และนั่น! คืออีกประสบการณ์หนึ่งที่คุณต้องไปสัมผัสให้ได้ เพราะมีแค่ที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้นที่คุณ ต้องห้ามพลาด
หากจินตนาการถึงการขี่ม้า หลายคนคงนึกถึงแรงสั่นสะเทือนบนหลังม้าที่มีความแข็งกระด้าง ผสมผสานไปกับเสียงร้องฮี๊ ๆ เป็นระยะ ๆ และหากต้องนั่งบนหลังม้าโดยไม่ได้มีการฝึกฝนมาก่อน จะไหวเหรอ? เผลอไผลไปอาจมีตกก้นจ้ำเบ้า แต่สำหรับที่ลำปางแห่งนี้ รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณลบภาพความน่ากลัวเหล่านั้นออกไป เปลี่ยนมาเป็นความน่ารักเข้ามาแทนที่ ด้วยการขี่รถม้าชมเมือง ของมูลนิธิรถม้าลำปาง ชมตึกสถาปัตยกรรมโบราณสุดคลาสสิก ชมสถานที่สำคัญ บอกเลยว่ามาถึงทั้งทีต้องลอง
จุดเช็คอินที่ 1 : มูลนิธิรถม้า ลำปาง ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง
มูลนิธิรถม้าแห่งนี้ เป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่ทำขึ้นเพื่ออนุรักษ์ รักษา ดูแลม้า โดยเฉพาะ คุณจะได้ดูความเป็นมาเป็นไป ดูวิธีการทำรถม้าอันเป็นสัญลักษณ์ของชาวลำปาง
การใช้บริการรถม้าลำปาง ไม่ได้สั่นสะเทือนอย่างคิด กลับสามารถนั่งเที่ยวไปได้อย่างนุ่มนวลพร้อมกับจังหวะการควบกุบกับของม้า ในความเร็วพอประมาณ วิ่งได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องจับเลขไมล์ แถมปัจจุบัน รถม้าทุกคัน ยังมีบริการ Audio tour นั่นหมายถึงหากแวะชมตามจุดสำคัญต่าง ๆ จะมีเสียงบรรยายให้คุณได้ฟังถึงที่มาที่ไปอีกด้วย เก๋มากเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ
ที่สำคัญมูลนิธิแห่งนี้ จะนำรายได้ที่ได้ไปช่วยเหลือดูแลและอนุรักษ์ม้าต่อไป เรียกได้ว่าคุณจะได้เที่ยวแบบอิ่มใจแถมได้บุญอีกด้วย โดยเรทราคา มีตั้งแต่ 150 บาท (นั่งรอบเมืองเล็ก ประมาณ 20 นาที) – 300 บาท (ชมสถานที่สำคัญ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) หรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการเหมาชั่วโมงค่ะ
รถม้าของมูลนิธิรถม้าลำปาง จะมีคิวจอดให้บริการ อยู่ตรงหน้าศาลากลางลำปางหลังเก่า ตั้งแต่เวลา 6:00 น. – 16:00 น. หรือหากเลยสี่โมงเย็นไปแล้ว สามารถไปใช้บริการได้ที่ หน้าโรงแรมวังทิพย์ช้างลำปาง, โรงแรมเวียงคลอร์ และโรงแรมลำปางเวียงทอง เพราะที่นั่นจะเปิดให้บริการถึง 23:00 น. หรือสามารถโทรไปจอง สอบถามคิวกันก่อนได้ที่เบอร์ 054 – 219 255 หรือ 081 612 8724
แต่…เดี๋ยวก่อนค่ะ! มาลำปางทั้งทีจะจบแค่รถม้าไม่ได้ เพราะที่นี่ยังมีอีกหลายจุดน่าสนใจให้คุณต้องไปเช็คอิน มาดูกันต่อเลยค่ะว่ามีที่ไหนกันบ้าง
จุดเช็คอินที่ 2 : วัดพระธาตุลำปางหลวง ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
มาเยือนถึงถิ่นลำปางถึงที่ ต้องไม่พลาดที่จะเข้ามาสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองของชาวลำปางที่ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก และมีประวัติยาวนานกว่าพันปี คุณจะต้องยืนอ้าปากค้างตั้งแต่บันไดนาคที่ทอดยาวไปสู่พระธาตุลำปาง อันเป็นสถาปัตยกรรมโบราณอันวิจิตรและเลอค่าเป็นอย่างมาก
จากทางเดินขึ้นบันไดนาค คุณสามารถมองเห็นองค์พระธาตุลำปางหลวงอันประทับเด่นเป็นสง่าที่รอให้คุณได้ไปสักการะ ภายในมีวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วเนื้อหยก ที่มีชื่อว่า “พระแก้วดอนเต้า” อันเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีลักษณะสวยงามต้องสักการะ เพราะคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางนั่นเองค่ะ
จุดเช็คอินที่ 3 : สะพานขาวหรือสะพานรัษฎาภิเศก ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง
จุดนี้อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันมีอะไร หามุมตั้งกล้อง จับภาพดี ๆ ภาพจะออกมาสวยเหมือนย้อนยุคอย่างแน่นอน กับสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กสีขาวข้ามแม่น้ำวังอายุราวกว่า 100 ปี มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ออกแบบเป็นลักษณะโค้งทรงคันธนู มีความสวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน มาแล้วชื่นมื่นหัวใจไม่น้อยเลยทีเดียว
จุดเช็คอินที่ 4 : วัดพระธาตุดอยพระฌาน ต.ป่าตัน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
ที่นี้ห้ามพลาด บอกเลยว่าต้องห้ามพลาด! กับวัดสวยอันซีนอลังการงานสร้างอันงดงามอย่างมากอยู่บนยอดเขาอันตระหง่าน แถมเพิ่งจะเป็นที่รู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้ คุณจะพบกับซุ้มประตูสีทองอันประณีต อร่ามตา รวมถึงเจดีย์และโบสถ์อันวิจิตรรับกับแสงตะวันที่ส่องมาในยามเช้า และพร้อมจะตกในยามเย็น บางช่วงยังมีทะเลหมอกให้ชมกันอีกด้วย ปักหมุดได้เลยค่ะ
จุดเช็คอินที่ 5 : อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท และหล่มภูเขียว อ.งาว จ.ลำปาง
มาเช็คอินกับที่ท่องเที่ยวแบบเขี๊ยวเขียว ธรรมชาติ ๆ กันบ้าง กับ “หล่มภูเขียว” ลักษณะเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสปิ๊งๆ หากมองจากด้านบนจะคล้ายกับปล่องภูเขาไฟที่รายล้อมด้วยผืนป่าอันเขียวชะอุ่ม และยังมีอีกหนึ่งสถานที่น่าเช็คอินในพื้นที่นี้อีกด้วย ได้แก่ การเข้าไปชมหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาสวยงาม ที่ ถ้ำผาไท นั่นเองค่ะ
จุดเช็คอินที่ 6 : เขื่อนกิ่วลม ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง
นั่งรถม้ากันก็แล้ว นั่งรถกันก็แล้ว เดินกันก็แล้ว เราชวนมาล่องแพไหลไปตามน้ำ ตากลมชมวิวกันที่ “เขื่อนกิ่วลม” กันบ้างค่ะ เขื่อนนี้เป็นเขื่อนที่ปิดกั้นแม่น้ำสายหลักของประเทศไทย นั่นก็คือแม่น้ำวัง เพื่อเป็นการเก็บกักน้ำให้ชาวบ้านที่ทำการเกษตรหรือชาวบ้านในพื้นที่ ได้มีน้ำใช้ตลอดปี
เขื่อนกิ่วลม ตั้งอยู่เขตเดียวกันกับถ้ำผาไท คุณสามารถล่องแพชมความงามและแวะเที่ยวตามจุดต่าง ๆ บริเวณเขื่อนได้ เช่น ถ้ำสมบัติ ผาเกี๋ยง เกาะวังแก้ว ถ้ำเหล็กไหล หรือทะเลสาบสบพุ เป็นต้น หรือหากติดใจบรรยากาศอยากค้างที่นี่อีกสักคืนสองคืน ก็ติดต่อแพที่พักบริเวณนั้นได้ ซึ่งมีผู้บริการให้เลือกหลายเช่นกันค่ะ
จุดเช็คอินที่ 7 : พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
ไปวัดไปวา ไปที่ท่องเที่ยวธรรมชาติกันมาแล้ว มาชมพิพิธภัณฑ์อันเป็นต้นกำเนิดของชามเซรามิคตราไก่ กันบ้าง กับ พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี ซึ่งก่อตั้งโรงานมาตั้งแต่สมัยพ.ศ.2500 ความพิเศษของเครื่องปั้นดินเผาที่นี่ คือทำมาจากดินขาว แล้วนำมาเผาในอุณภูมิที่พอเหมาะ ลงลวดลายอย่างสวยงาม และปัจจุบันยังมีการดัดแปลงเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ สุดเก๋ ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เหมาะกับการนำไปเป็นของฝากได้เลยค่ะ
จุดเช็คอินที่ 8 : กาดกองต้าหรือตลาดจีน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง
มาค่ะมา ชวนมาเดินเล่นในตลาดหาของกิน ชมของทำมือแฮนด์เมด ชมวิถีชีวิตยามค่ำคืนท่ามกลางบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมโบราณแบบสวย ๆ กันบ้าง กับ “กาดกองต้า” ที่สายนิยมความ Chic ต้องชอบ คำว่ากาดคือตลาด หรือหลายคนเรียกที่นี่ว่าตลาดจีน อันเป็นถนนคนเดินสายหนึ่งของชาวลำปาง ซึ่งเปิดให้บริการแค่เพียงวันเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น ตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไป ถึงสี่ทุ่ม ค่ะ
จุดเช็คอินที่ 9 : วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนุก ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง
มาถึงลำปาง ต้องมาชมแหล่งโบราณสถานอันเป็นสถานที่รวมงานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ อย่าง “วัดปงสนุก” ซึ่งได้ถูกย่องย่องจากทาง UNESCO และได้รับรางวัล “Award of Merit” ในปี ค.ศ.2008 แบ่งเป็นวัดปงสนุกเหนือ และใต้ ภายในวัดจัดเป็นแหล่งรวมสิ่งของโบราณที่บ่งบอกได้อารยะธรรมสมัยก่อนมากมายที่น่าศึกษา และยังมีวิหารพระเจ้าพันองค์ อันเป็นโถงทรงจตุรมุขผสมผสานสถาปัตยกรรรมแบบล้านนา พม่า ไทยและจีน ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก หากไม่ได้มาเยือนต้องเสียดายมากแน่นอนค่ะ
จุดเช็คอินที่ 10 : สะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน ต.วังเงิน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
มาแชะรูปสวย ๆ กับสะพานไม้ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ขัวแตะ” หรือ “สะพานบุญ วัดพระธาตุสันดอน” ซึ่งเพิ่งได้เปิดตัวเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของลำปางเมื่อปี 2560 นี่เอง โดยสะพานแห่งนี้ เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวกว่า 360 เมตร สร้างโดยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้าน อันเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างถนนสายลำปาง – เด่นชัย ไปยัง พระธาตุสันดอน ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเชื่อกันว่าใครก็ตามที่มีอาการเจ็บป่วย หรือเป็นโรคเกี่ยวกับตับแล้วได้มาสักการะ ณ องค์พระธาตุแห่งนี้ อาการเจ็บป่วยนั้นก็จะทุเลาเบาบางลงนั่นเองค่ะ
ระหว่างการเดินทางผ่านสะพานนี้ คุณจะได้พบกับรวงข้าวสวย ๆ ในทุ่งนาของชาวบ้าน สีเหลืองสลับเขียวให้ความสบายตาไม่เบาเลยทีเดียว เหนื่อยก็นั่งห้อยขากินลมชมวิว หรือจะหามุมถ่ายภาพเก๋ ๆ ก็รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวัง
จุดเช็คอินที่ 11 : อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
ชวนมาสัมผัสความเฟรสแบบธรรมชาติ อีก 1 ที่ กับ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นอุทยานแห่งชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์แถมยังมีบ่อน้ำร้อนอีกด้วย นอกจากบ่อร้อนที่มีให้คุณได้สัมผัสกลิ่นอายความอุ่นแบบธรรมชาติแล้วถึง 9 บ่อแล้ว ภายในอุทยาน ประกอบไปด้วย 3 น้ำตก ได้แก่ น้ำตกแจ้ซ้อน น้ำตกแม่มอญ และน้ำตกแม่ขุน รวมถึงถ้ำผางาม อีกทั้ง หากคุณได้มาเยือนในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี คุณยังจะได้ชมดอกเสี้ยวบาน ที่มีลักษณะดอกมีกลีบสีขาวและมมีเกสรสีชมพู สวยหวานตามธรรมชาติ แบบไม่ต้องไปต่างประเทศเลยทีเดียวค่ะ
จริง ๆ แล้วเมืองอันเก่าแก่อย่างลำปาง หรือที่โบราณรู้จักกันในนามของ “เขลางค์นคร” แห่งนี้ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย หากคุณอยากได้บรรยากาศแบบ Local หรือ Back pack ตะลุยเมืองของจริง ลองใช้บริการรถสองแถวกันดูก็ได้ค่ะ รถจะวิ่งรอบเมืองและคิดค่าบริการจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในเส้นทางไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 15-20 บาท แต่หากต้องการเหมาอาจจะต้องคุยราคากับโชว์เฟอร์อีกทีเป็นในกรณีไป
เพราะฉะนั้น “ลำปาง” ยังคงเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีเสน่ห์แบบมนตร์เมืองเหนือที่น่าติดตาม ไม่แพ้จังหวัดใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ใครยังไม่เคยไป คงต้องลองสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักลำปางแห่งนี้ค่ะ
ผู้เขียน : Sine Ratcharak