บล็อกนี้เราจะมารีวิวไปท้าความสูงและเช็คอินแลนมาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่ “ Mahanakhon Skywalk ” บนตึกคิงเพาเวอร์มหานคร พึ่งเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561ที่ผ่านมานี่เองค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราเป็นนักศึกษาฝึกงานที่เดินทางมาฝึกงานที่บริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เราได้มีโอกาสค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ “มหานคร สกายวอร์ค” ตามงานที่ได้รับมอบหมายมา เป็นสถานที่ที่น่าไปสัมผัสและท้าทายความสูง แต่ก็แอบกลัวเพราะเราเป็นคนกลัวความสูงมากๆ ขนาดมองจากชั้น3 ยังเวียนหัวสุดๆเลยค่ะ
ไฮไลท์ของมหานคร สกายวอร์คมีอะไรบ้าง?
- จากการค้นคว้า มหานคร สกายวอร์คจะประกอบไปด้วยทั้งหมด 3 ชั้น คือ 74, 75 และ 78 แต่ละชั้นจะมีไฮไลท์ที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป และราคาจะแบ่งเป็น 2 ราคาค่ะ คือแบบชมวิวภายในอาคาร (ชั้น 74) ผู้ใหญ่ 850 บาท / เด็กและผู้สูงอายุ 250 บาท, แบบชมวิวทั้งภายในและภายนอกอาคาร (ชั้น 74 และ ชั้น 78) ผู้ใหญ่ 1,050 บาท / เด็กและผู้สูงอายุ 450 บาท ซึ่งจากรีวิวต่างๆ
- แนะนำให้ขึ้นไปจนถึงชั้น 78 ความรู้สึกของเราตอนนั้น “ทำไมเราต้องเสียเงินเพื่อไปดูวิวด้วยอ่ะ?” “แค่ไปดูวิวเองหรอ?” เราก็เริ่มอ่านรีวิวหลายๆเว็บไซต์
- ชั้น 74 จะเป็นชั้นดูวิวแบบ indoor ไฮไลท์ของชั้นนี้คือ จะมีไปรษณีย์สีแดงและโปสการ์ดให้เราได้ส่งจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยเลยกว่าว่าได้ค่ะ การเดินทางมาชั้นนี้ จะมีไฮไลท์คือ การโดยสารลิฟต์ความเร็วสูง โดยใช้เวลาจากชั้น 1 ถึง 74 ไม่ถึง 50 วินาที “ลิฟต์ขึ้นเร็วขนาดนั้นจริงๆหรอ?” เราก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกแล้วค่ะ
- จากชั้น 74 ขึ้นบันไดมาชั้น 75 จะเป็นชั้นที่ให้บริการห้องน้ำและเป็นจุดขึ้นลิฟต์แก้วค่ะ จะพาเราไปยังชั้น78 เป็นชั้นสุดท้ายและมีไฮไลท์ที่น่าสนใจที่สุดคือ Glass Tray เป็นพื้นกระจกที่สามารถมองเห็นข้างล่างในความสูงถึง 310 เมตร เรารู้สึกสนใจชั้นนี้มากๆ “อยากพิสูจน์คนที่กลัวความสูงอย่างเราจะรู้สึกอย่างไร?” นอกจากGlass tray ยังสามารถดูวิว outdoor แบบ 360 องศาได้อีกด้วย และไฮไลท์อีกอย่างของชั้นนี้คือ rooftop bar บาร์ที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย
เมื่อได้ไปท้าความสูงที่ “มหานคร สกายวอร์ค” จริงๆ
หลังจากหาข้อมูลส่งเจ้านายเรียบร้อย วันต่อมาเราได้ไปมหานคร สกายวอร์คจริงๆค่ะ ย้ำ! ได้ไปจริงๆ เรารู้สึกตื่นเต้นสุดๆ เพราะเราพึ่งหาข้อมูลไปเมื่อวาน และเราจะได้ไปท้าความสูงกันจริงๆแล้วววววววววว
การเดินทางไปมหานคร สกายวอร์ค สามารถไปได้หลายวิธี ถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้ลงสถานีช่องนนทรี ทางออกหมายเลข 3 จะสามารถมาตึกคิงเพาเวอร์มหานครได้ง่ายๆเลยค่ะ แต่เราเลือกเดินทางไปด้วยรถยนต์ส่วนตัว เป็นการไปคล้ายๆสำรวจและศึกษาข้อมูลจากสถานที่จริงๆ (อันนี้ไปในนามบริษัทนะคะ) เราออกเดินทางกันประมาณเก้าโมงเช้า ตั้งGPSกันไปเลยค่ะ และGPS ก็พามาถึงคิงเพาเวอร์มหานครจริงๆ
เรามาถึงตึกคิงเพาเวอร์มหานครกันประมาณสิบโมงเช้า เข้ามาในตึก ชั้น 1 จะเป็นจุดสำหรับซื้อบัตรและขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงค่ะ ชั้นนี้จะมีโมเดลของตึกคิงเพาเวอร์มหานครโชว์อยู่ มีพนักงานรอให้บริการอยู่หลายคน ไม่ต้องกลัวหลงหรือดำเนินการซื้อบัตรเข้าชมไม่ถูกเลยค่ะ เนื่องจากเรามาในนามของบริษัท จะมีบัตรนี้ห้อยเพื่อใช้สำหรับขึ้นไปยัง “มหานคร สกายวอร์ค” ค่ะ เราจะตื่นเต้นเต้นเป็นพิเศษ เพราะเราเป็นเด็กฝึกงานที่ไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้มาก่อน
พอเราได้รับบัตรกันเรียบร้อย จะมีพนักงานพามายังจุดสำหรับรอลิฟต์ (สำหรับท่านที่ซื้อบัตรเข้าชมก็จะมาที่จุดนี่เช่นกันค่ะ) ก่อนที่เราจะไปยังจุดรอลิฟต์ จะผ่านจุดตรวจ ให้บรรยากาศเหมือนสนามบินเลย ที่นี่เขาทำดีจริงๆ มีอะไรให้เราตื่นเต้นอยู่ตลอดเลย พอเราตรวจสัมภาระเสร็จ เราก็มาถึงจุดรอลิฟต์กันแล้วค่ะ สังเกตข้างบนเพดานจะเป็นแผนผังกรุงเทพมหานคร ที่เราต้องเงยคอมองเพื่อที่จะหาตึกคิงเพาเวอร์มหานคร ที่จะเป็นตึกสีทองๆโดดเด่นกว่าตึกอื่นๆ พอลิฟต์มาถึง พนักงานจะให้เราเข้า มีพนักงานให้บริการเปิดปิดให้เราตลอด เราประทับใจมากๆค่ะ พนักงานสุภาพ ยิ้มแย้มและให้บริการดีสุดๆ ปลื้มมมมมมมมมม
พอเราเข้าลิฟต์ ขึ้นเร็วมากๆ ย้ำ! เร็วจริงๆ จะมีลำดับชั้นและความเร็วบอกด้วยค่ะ ระหว่างขึ้นลิฟต์ เรารู้สึกหูอื้อนิดหน่อย แต่สิ่งที่ดึงดุดความสนใจของเรา คือ จอLED ที่ฉายภาพเรื่องราวของกรุงเทพฯในช่วงกลางวัน (ตอนกลับจากชั้น 78 จะเป็นภาพเรื่องราวกรุงเทพฯในตอนกลางคืน) กำลังดูเพลินๆ อ้าว! ลิฟต์จะพาเรามายังชั้น 74แล้ว
ชั้น 74 จะเป็นชั้นสำหรับดูวิวภายในอาคาร (indoor) สามารถมองเห็นวิวในกรุงเทพฯในมุมต่างๆได้ และยังมีระบบโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริงผ่านระบบเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ให้เราได้สัมผัสและลองใช้ด้วยค่ะ และไฮไลท์ของเราก็คือ ตู้ไปรษณีย์สีแดงและตู้ขายโปสการ์ด เราสามารถส่งโปสการ์ดได้จริงๆนะคะ แต่เราขอเลือกกดโปสการ์ดมาเพื่อเก็บสะสมค่ะ สำหรับซื้อโปสการ์ดต้องใส่เงินจำนวน 40 บาท ได้ทั้งเหรียญและธนบัตร จะมีหมายเลขโปสการ์ดให้เลือกมากมายหลายแบบเลยค่ะ เลือกตามใจชอบเลือกแทบไม่ถูก ยืนลังเลอยู่นานมาก โปสการ์ดมีแสตมป์ 15 บาทให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ใครอยากส่งไปรษณีย์ที่สูงที่สุด สามารถเขียนส่งกันได้เลยค่ะ
หลังจากเดินชมชั้น 74 เรียบร้อย ขึ้นบรรไดมายังชั้น 75 เป็นชั้นที่ให้บริการห้องน้ำและจุดสำหรับขึ้นลิฟต์แก้วค่ะ ชั้นนี้สามารถดูวิวได้เหมือนชั้น 74 นะคะ
พอเราออกจากลิฟต์แก้ว จะถึงชั้น 78 ค่ะ ชั้นที่จะสามารถดูวิวแบบภายนอกอาคาร (outdoor) มองเห็นวิวกรุงเทพฯ แบบ360 องศา เห็นตึกใหญ่ต่างๆมากมาย แม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่เด่นๆรอบตึกคิงเพาเวอร์มหานครในความสูง 310 เมตร และเราจะผ่านrooftop bar ที่มีเครื่องดื่มจำหน่ายอยู่ค่ะ
- และแล้วเราก็มาถึงจุดไฮไลท์ “Glass Tray” ที่มีความสูง 310 เมตร เป็นพื้นกระจกใสที่สามารถมองเห็นข้างล่าง เอาล่ะ! เราจะมาพิสูจน์ความเสียวจากความสูงกัน เราไม่สามารถนำกล้องหรือโทรศัพท์เข้าไปได้ ถ้าอยากถ่ายรูปต้องมีคนถ่ายจากข้างนอกกระจกหรือเรียกใช้พนักงานได้ค่ะ ก่อนเข้าไปพื้นกระจกจะต้องใส่ถุงครอบรองเท้าค่ะ
- พนักงานจะแจกให้กับผู้ที่ต้องการเข้าชมทุกคน เราเข้าไปในโซนพื้นกระจกแบบกล้าๆกลัวๆ ขาสั่นและหน้ามืดกันเลยค่ะ คือเรากลัวความสูงมากๆ ให้เดินไปคนเดียวคงไม่ไหว เราขอเกาะพี่ที่ไปกับเราไปค่ะ รู้สึกอุ่นใจขึ้น เราพยายามจะไม่มองข้างล่าง แต่ก็แอบมองบ่อยๆ ไม่อยากพลาดประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้
- พื้นกระจกใสมากๆ สามารถมองเห็นตึกข้างล่างได้หมด เห็นแม้กระทั่งรถที่วิ่งไปมา สำหรับคนที่ไม่กลัวความสูง น่าจะมองเพลิน เราสามารถถ่ายรูปได้ทุกจุดบนพื้นกระจก นอนถ่าย นั่งถ่าย ยืนถ่ายได้ตามสบายค่ะ
พอเราออกจากพื้นกระจก คืนถุงครอบรองเท้า เราก็จะไปยังจุด Rooftop ที่มีความสูง 314 เมตร จุดที่สูงที่สุด เรียกว่าเดอะพีคก็ได้ค่ะ เราสามาถมองเห็นได้ทั่วกรุงเทพฯ วิวสวยมากๆ มองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มองเพลินไม่มีเบื่อ จนลืมไปเลยว่าเป็นคนกลัวความสูง วันที่เราไปบรรยากาศดีมาก ไม่มีแดดและมีลมพัดเย็นสบาย เราแนะนำให้ไปช่วงเช้าๆค่ะ คนไม่เยอะ สามารถถ่ายรูปได้สบาย ถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ต้องมาช่วงเย็น แต่คนอาจจะเยอะนะคะ
ความรู้สึกเมื่อไปท้าความสูงที่ “มหานคร สกายวอร์ค”
ก่อนจะไปท้าความสูง เรามีคำถามมากมาย และเราได้ไปพิสูจน์จริงๆแล้ว ขอสรุปให้ฟังคร่าวๆ คุ้มหรือไม่คุ้ม?
- สำหรับราคาบัตรเข้าชม สำหรับเราคิดว่าคุ้มกับราคา เพราะได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเต็มๆ ไม่ใช่แค่การชมวิวอย่างที่คิด เพราะได้ประกบการณ์และสัมผัสอะไรใหม่ๆ ทั้งเทคโนโลยี AR, ลิฟต์ความเร็วสูง และกราฟิก LED
- ลิฟต์ความเร็วสูง ไปสัมผัสแล้วว่าเร็วจริงๆ เร็วจนรู้สึกหูอื้อ จากชั้น 1-74 ด้วยความเร็วไม่ถึง 50 วินาทีจริงๆ!!
- กราฟิก LED ฉายภาพเรื่องราวของกรุงเทพฯทั้งกลางวันและกลางคืน สวยมากๆ อลังการจริงๆ
- ตู้ไปรษณีย์สีแดงและโปสการ์ด เป็นตู้ไปรษณีย์แรกและสูงที่สุดในประเทศไทย เราได้ส่งโปสการ์ดจากจุดที่สูงที่สุด
- ลิฟต์แก้วที่สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ระหว่างโดยสารไปยังชั้น 78
- Rooftop bar ดื่มเครื่องดื่มเพลินๆจากบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
- Glass Tray พื้นกระจกใส สูงถึง 310เมตร สามาถมองเห็นตึกต่างๆ รวมถึงรถที่วิ่งไปวิ่งมา เหมาะกับคนชอบท้าความสูงที่สุด
- Rooftop ชั้นดาดฟ้าที่สูงถึง 314 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถมองได้ทั่วกรุงเทพฯแบบสุดลูกหูลูกตา
เราอยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง แค่อ่านรีวิวเราเชื่อว่า ทุกคนอาจจะตั้งคำถามอย่างเรา พอไปสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ จะรู้สึกคุ้มค่าและไขข้อสงสัยทุกอย่าง ไปท้าความความสูงที่ “มหานคร สกายวอร์ค”ที่ตึก คิงเพาเวอร์มหานคร ไปอวดเพื่อนๆกันทุกคนนนนนนนนนนนน 🙂
เขียนโดย: Sirivipha