ท่องเที่ยว 3 ชุมชนท้องถิ่นในกทม. น่าไป๊ น่าไป Slow life

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ มักให้ความสนใจในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ก่อสร้างขึ้นมาแบบหรูหรา ให้นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไกลไปเช็คอิน อาหารแบบทางตะวันตก ทำให้คุณเซ็งเอาง่ายๆ จ่ายเงินไปเที่ยวทั้งที ก็อยากจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบสบายๆ เที่ยวกันแบบเพลินๆ ผ่อนคลายกันให้เต็มที่กันใช่มั้ยล่ะคะ เราลองมาเที่ยวแบบชุมชนคนท้องถิ่น กันบ้างไหม

เพราะฉะนั้น เราลองเปลี่ยนแนว ชวนกันมาเดินเล่นในชุมชนท้องถิ่นกันดูบ้างดีกว่าค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด เพราะสถานที่เหล่านี้ เป็นชุมชนดั้งเดิม เก่าแก่ในกทม. ซึ่งหลายท่านอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเมืองหลวงที่ศิวิไลซ์ มีแต่ความเจริญ มีสิ่งปลูกสร้างมากมายอย่างนี้ จะมีแหล่งท่องเที่ยวแบบสงบ ไม่วุ่นวาย เดินเล่นกันได้แบบ Slow life มีกลิ่นอายของความคลาสสิค ย้อนยุค ให้ท่องเที่ยวกันแบบไม่เปลืองงบประมาณกันด้วยเหรอ เรามาดูกันค่ะ ว่ามีที่ไหนกันบ้าง

ชุมชนกุฏีจีน พิกัด ถนนเทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี

ชุมชนแห่งนี้ เป็น ชุมชนคนท้องถิ่น เก่าแก่ย่านฝั่งธน ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทั้งทางด้านเชื้อชาติและศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ และอิสลาม กันได้อย่างลงตัว และเป็นสถานที่ที่เป็นจุดกำเนิดของขนมฝรั่งกุฎีจีน ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายขนมไข่ รสชาติอร่อย รวมถึงขนมไทยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลมาจากชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก ชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส ได้ทำการย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่นี่นั่นเองค่ะ ทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของขนมไทย ที่เป็นต้นรับจากท้าวทองกีบม้า หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่มะลิ” ในเรื่องบุพเพสันนิวาสนั่นเองค่ะ

(ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook ชุมชนภุฎีจีน Page https://www.facebook.com/visitkudejeen/)

ชุมชนคนท้องถิ่นแห่งนี้ ไม่ได้มีดีแค่ขนมเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในชุมชนที่มีความสวยงาม น่าสนใจมากมาย มีตรอกซอกซอยให้เดินเล่นกันแบบชิลล์ๆ รับลมโชยๆ ได้ไม่เบื่อ เช่น ชมบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มีการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม, วัดประยูรวาศาวาส, วัดซานตาครู้ส, ศาลเจ้าเกียนอันเอง, วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร และมัสยิดบางหลวง เป็นต้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้ เป็นสถานที่ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ คงความสวยงามและความคลาสสิคได้ไม่น้อยเลยทีเดียว คอนเฟิร์มว่างามจริงๆ คุณไปแล้ว ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ชุมชนบางคลองหลวง พิกัด ซอยเพชรเกษม28 ถ.เพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขต ภาษีเจริญ

ชุมชนเก่าแก่ริมน้ำของแท้แบบดั้งเดิม ที่จะทำให้คุณสัมผัสชีวิตพื้นถิ่นของจริง ด้วยความตั้งใจของท่านเจ้าอาวาสวัดกำแพง โดยพระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ ที่ต้องการพัฒนา แปลงโฉม ชุมชนคลองบางหลวงแห่งนี้ ให้ดูเป็นชุมชนที่สวยงาม มีระเบียบ อนุรักษ์วิถีชีวิตของชาวชุมชนที่มีมาแต่เก่าก่อน เผยแพร่ให้กับภายนอกได้เข้ามาสัมผัส ประกอบกับอยากให้คนในชุมชนมีรายได้ จึงเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมน้ำกลางกรุงแห่งนี้เกิดขึ้นมา

คลองบางหลวง ในสมัยก่อนเรียกกันว่า “คลองบางกอกใหญ่” มีบรรยากาศอันเงียบสงบ อบอุ่น เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นชุมชนริมน้ำ ที่มีบ้านเรือนแบบไม้เก่าแก่ โทนสีน้ำตาล คลาสสิคมาก แนววินเทจมาก บอกเลย มีทั้งร้านอาหาร และของฝากแฮนด์เมดมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกสมุนไพรนานาชนิดที่น่าสนใจอีกด้วย

(ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook ชุมชนรักคลองบางหลวง https://www.facebook.com/Love.bangluang/)

ไฮไลท์ของที่นี่ ได้แก่ “บ้านศิลปิน” ที่เดิมเป็นบ้านของตระกูลช่างทองเก่าแก่ แต่ได้ขายให้กับคุณชุมพล อักพันธานนท์ ช่างภาพผู้มากฝีมือ หรือที่รู้จักกันในนาม พี่โกะ บ้านศิลปิน โดยรวมตัวกับเพื่อนๆ เพื่อเนรมิตบ้านหลังนี้ ให้เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะอันสวยงาม น่าชื่นชม มีทั้งภาพถ่าย และภาพวาด สายติสก์ทั้งหลายต้องไม่ควรพลาด! นอกจากนี้ ชุมชนแห่งนี้ ยังจัดให้มีการแสดง “หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง” วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่และอนุรักษ์ศาสตร์หุ่นละครเล็ก ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน คงความอ่อนช้อย และสวยงาม กันได้อย่างน่าทึ่ง

ชุมชนบ้านบุ ตลาดวัดสุวรรณาราม (ตลาดไร้คาน) พิกัด ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย

เอาใจสายกินกับตลาดของ ชุมชนคนท้องถิ่น บ้านบุ วัดสุวรรณาราม ซึ่งเดิมเคยรู้จักกันในนาม “ตลาดไร้คาน” แต่เนื่องจากปัจจุบัน ทางชุมชมได้จัดระเบียบและยกเลิกตลาดไร้คาน โดยให้พ่อค้าแม่ค้า ย้ายไปจำหน่าย ที่วัดสุวรรณารามแทน เมื่อเดือน พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อ ตลาดน้ำวัดสุวรรณาราม ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดเดิมแค่เพียง 500 เมตร

มาเดินชุมชนแห่งนี้ นอกจากขนมไทยโบราณ ที่หาทานกันได้ยาก ยังมีของกินอร่อยๆ ที่มีให้เลือกกันอย่างเยอะมั๊กมาก กินกันให้อิ่ม ก่อนไปเดินเล่นในชุมชนกันต่อ โดยในชุมชน ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมกันได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อของชุมชนแห่งนี้ ได้แก่ บ้านขันลงหิน อันเป็นสถานที่อนุรักษ์ศิลปะที่สวยงาม คำว่าขันลงหิน มาจากการทำภาชนะและเครื่องใช้ ที่มีความผ่อง เหลืออร่าม แวววาว อย่างสวยงาม โดยมีส่วนผสมของโลหะ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ทองแดง สำริด และดีบุก นำมาขึ้นรูปและขัดด้วยหิน เขียนลวดลายลงไปอย่างวิจิตร ซึ่งเป็นศิลปะที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม หาชมได้ยาก งดงามมากจริงๆ ค่ะ

(ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook ตลาดไร้คาน https://www.facebook.com/raikahn/)

เห็นมั้ยคะ ว่าไม่ต้องไปไกล ก็เที่ยวกันได้แบบชิลล์ๆ ชุมชนคนท้องถิ่น ชมความเป็นมาและเอกลักษณ์ สัมผัสกลิ่นอายและวิถีชีวิต ที่ได้มากกว่าคำบอกเล่าที่มาแต่เก่าก่อน มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่บอกเลยว่า คุณต้องไปเยือนสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักชุมชน ที่มีวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง

ผู้เขียน : Sine Ratcharak